เหตุผลที่ต้องเลือกใช้รางน้ำฝนไวนิล
เหตุผลที่ต้องเลือกใช้รางน้ำฝนไวนิล เป็นองค์ประกอบเสริมของบ้านที่ควรมีในบ้านเขตร้อนชื้น ฝนตกชุก เพราะหากหลังคาไม่ได้ติดตั้งรางน้ำไว้ น้ำที่ไหลจากหลังคาจะตกกระทบลงพื้นสวนด้านล่าง ทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าว รวมไปถึงผนังบ้านค่อย ๆ สะสมความเสียหาย ทำให้บ้านเสื่อมโทรมไปอย่างรวดเร็ว
รางน้ำฝนไวนิล ดีกว่ารางน้ำฝนสังกะสี หรือรางน้ำฝนสแตนเลสอย่างไร
สมัยก่อน รางน้ำฝนมีวัสดุและรูปแบบให้เลือกไม่มากนัก หลายบ้านจึงเลือกที่จะไม่ติดตั้งรางน้ำฝน เนื่องจากรู้สึกว่าดีไซน์และวัสดุไม่เข้ากับตัวบ้าน แต่ในปัจจุบันรางน้ำมีการผลิตมารองรับกับความต้องการหลากหลายรูปแบบ มีตัวเลือกของวัสดุมากขึ้น และวัสดุที่เป็นที่นิยมมาในปัจจุบัน คือ รางน้ำสังกะสี รางน้ำสแตนเลส และรางน้ำฝนไวนิล เนื้อหานี้ขอแจกแจงให้เห็นชัด ๆ ว่า ทั้ง 3 วัสดุ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่า รางน้ำแบบไหนที่เหมาะกับบ้านของคุณมากที่สุด
รางน้ำฝนสแตนเลส
สแตนเลสเป็นวัสดุประเภทโลหะ ที่ได้รับความนิยมสูงในการนำมาผลิตเป็นรางน้ำ โดยส่วนมากจะนิยมใช้สแตนเลสเกรด 304 ซึ่งมีความหนา ทนทานสูง มีอายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไปสามารถพับขึ้นรูปได้แต่ก็เปลี่ยนสภาพได้ง่ายเมื่อถูกแรงกระแทก จุดอ่อนของรางน้ำสแตนเลส คือ ปัญหาการรั่วซึมจากรอยเชื่อมต่อ บริเวณรอยเชื่อมที่อาจแตกได้จากสนิม และคุณภาพของการเชื่อมจะขึ้นอยู่กับทักษะความชำนาญของช่างเชื่อมเป็นหลัก แต่ละร้าน แต่ละโรงงานจึงอาจมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน
สแตนเลสเป็นวัสดุที่ไม่เหมาะกับการทาสีทับ เพราะสแตนเลสมีโครเมียมเป็นส่วนผสมหลัก ทำให้เกิดการสร้างฟิล์มโครเมียมออกไซด์บาง ๆ ขึ้นมาป้องกันการกัดกร่อน ผิวสแตนเลสจึงรักษาสภาพความทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีที่สุดเมื่อไม่มีอะไรปกปิดผิว หากทาสีทับอาจทำให้เกิดจุดสนิมได้ง่าย ดังนั้นด้วยสีวัสดุของสแตนเลสที่มีความมันวาว จึงไม่เข้ากันกับดีไซน์และสไตล์ของบ้านในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ด้วยตัววัสดุสแตนเลสยังสามารถขยายตัวได้เมื่อโดนความร้อน จึงก่อให้เกิดเสียงดังรบกวน เมื่อวัสดุเกิดการขยายตัวอีกด้วย
รางน้ำฝนไวนิล
เป็นรางน้ำที่ผลิตจากพลาสติก หรือ uPVC ที่ใช้สำหรับงานภายนอก มีคุณสมบัติเด่นคือ ไม่เป็นสนิมตลอดอายุการใช้งาน แข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมทั้งแดดและฝน อีกทั้งยังสวยงาม เข้ากับบ้านได้ทุกแบบ ทุกสไตล์ ราคาไม่แพง ตั้งแต่ 500-1,000 บาท/เมตร (แล้วแต่เกรดวัสดุและค่าแรงติดตั้ง) รางน้ำไวนิลมีอายุงานที่ใช้ได้เฉลี่ยประมาณ 10 ปีขึ้นไป แต่มีจุดด้อยตรงที่หากติดตั้งไม่ได้มาตรฐานตามที่ผู้ผลิตแนะนำไว้ก็อาจจะเกิดการบิดโก่งได้
5 จุดแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างรางน้ำสแตนเลสและรางน้ำไวนิล
ตอบโจทย์เรื่องงานดีไซน์
รางน้ำไวนิลพื้นผิวเรียบแข็ง ดีไซน์สวยงาม ทำสีมาพร้อมสำเร็จจากโรงงาน มีหลายสีหลายรูปทรง จึงเลือกให้เข้ากับบ้านได้หลากสไตล์ โดยเฉพาะบ้านโมเดิร์นที่ต้องการติดตั้งรางน้ำให้แนบเนียนไปกับกันสาดหรือหลังคา ส่วนรางน้ำแบบสแตนเลสที่มีพื้นผิวโลหะมันวาว ช่างไม่แนะนำให้ทาสี เพราะเท่ากับลดคุณสมบัติในการรักษาสภาพความทนทาน สแตนเลสจึงสะท้อนแสงเห็นเด่นชัด ทำให้จับคู่กับงานหลังคาได้ยากกว่า จึงอาจดูไม่เข้ากับบ้านบางสไตล์
คุณภาพรางน้ำ
ในแง่ของคุณสมบัติรางน้ำสแตนเลสเกรดสูงจะมีความทนทานกว่าไวนิล แต่ปัจจุบันร้านค้าบางแห่งได้ลดสเปคนำสแตนเลสเกรดที่ต่ำกว่ามาใช้งาน ซึ่งยากที่จะแยกออกด้วยตาเปล่า เช่น สแตนเลสเกรด 201 ซึ่งเป็นสแตนเลสที่มีความเบา บาง ไม่ทนและราคาถูกกว่ามาใช้แทนเกรด 304 ทำให้อายุการใช้งานสั้นกว่าที่ควรจะเป็น และอาจประสบปัญหารูรั่วหรือเป็นสนิมทำให้ต้องเชื่อมรางใหม่เป็นระยะ ซึ่งแตกต่างจากรางน้ำไวนิลที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ ผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน จึงหมดกังวลเรื่องมาตรฐานวัสดุ
ติดตั้งง่าย สะดวกในการซ่อมแซม
การติดตั้งรางน้ำไวนิลจะทำได้ง่ายกว่า เพราะเป็นรางน้ำสำเร็จรูปที่มีขนาดมาตรฐานและให้อุปกรณ์มาเป็นชุดใช้คู่กัน คือ ตะขอแขวนรางและชิ้นส่วนราง โดยนำชิ้นส่วนรางแต่ละชิ้นส่วนประกอบกันแล้วเชื่อมต่อด้วยซิลิโคน ซึ่งบางรุ่นจะเป็นชิ้นเดียวยาวหลายเมตรทำให้มีรอยต่อน้อยมาก ซึ่งสะดวกต่อการติดตั้งและง่ายในการซ่อมแซมแต่ในการติดตั้งรางน้ำฝนสแตนเลสจำเป็นต้องใช้ช่างเฉพาะทาง ทำการเชื่อมประสานงานแต่ละส่วน ซึ่งหากช่างขาดทักษะฝีมือที่ดี รอยเชื่อมต่าง ๆ จะสร้างปัญหาแตกหัก รั่วซึมภายหลัง
รางน้ำไวนิลเสียงไม่ดัง
รางน้ำไวนิล เป็นรางน้ำที่ผลิตจากพลาสติก ในขณะฝนตกกระทบจะไม่ก่อให้เกิดเสียงดัง แตกต่างกับรางสแเตนเลสที่เป็นโลหะ ในขณะที่เม็ดฝนเริ่มหนาขึ้นจะมีเสียงตกกระทบดังกว่า นอกจากเสียงดังขณะที่ฝนตกแล้ว หากรางสแตนเลสอยู่ในด้านที่ได้รับความร้อนมาก ๆ ช่วงบ่ายจะมีเสียงเหล็กขยายตัวที่ค่อนข้างดังให้ได้ยินเป็นระยะ ก่อให้เกิดความรำคาญให้กับผู้อยู่อาศัย
รางน้ำไวนิลคงรูปร่างได้ดีกว่า
รางน้ำสแตนเลสเป็นแผ่นโลหะที่มีความหนาไม่มาก สามารถขึ้นรูปได้หลายรูปแบบและขยายขนาดได้ และหากใช้สแตนเลสเกรดบางอาจส่งผลให้เกิดการบุบ ยุบตัว เมื่อถูกแรงกระแทก ทำให้มองดูไม่สวยงามและอาจเกิดรอยรั่วได้ง่าย ซึ่งต่างจากรางน้ำไวนิลที่เป็นพลาสติกหนานำมาขึ้นรูป จึงคงรูปร่างเดิมไม่เปลี่ยนแม้จะได้รับแรงกระแทกและเพื่อให้รางน้ำสามารถเข้ากันได้กับบ้านไทยหลากหลายสไตล์ ปัจจุบัน SCG ได้พัฒนารางน้ำฝน Advance Vinyl ไวนิลสูตรพิเศษ ด้วยการผสมสารเพิ่มคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยโดยเฉพาะ มีฟังก์ชันเสริมช่วยรองรับน้ำฝนได้ดี และให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ รางน้ำฝนไวนิล เอสซีจี รุ่นเดอลุกซ์ (Deluxe) และรุ่นสมาร์ท โดยรุ่นสามาร์ทจะมีดีไซน์พิเศษ ดังนี้
1.ตะขอแขวนรางสามารถรับน้ำหักได้มากกว่าตะขอทั่วไปถึง 3 เท่า
2.Splash Guard ความสูงของขอบรางน้ำที่เพิ่มขึ้นและรูปทรงพิเศษ สามารถป้องกันน้ำฝนจากหลังคากระเด็นออกนอกตัวรางน้ำ
3.Over Flow System ระบบระบายน้ำฝนออกจากตัวรางน้ำฝน ป้องกันน้ำฝนไหลย้อนกลับเข้าเชิงชายและฝ้า
ทั้งนี้ ทั้ง 2 รุ่น แข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อม ทั้งรังสี UV จากแสงแดดและฝนกรด และไม่เป็นสนิมตลอดอายุการใช้งาน ไร้รอยต่อ สวยกลมกลืนเข้ากับบ้านทุกสไตล์ ด้วยสีที่ให้เลือก 2 สี คือสีขาวและสีน้ำตาลเข้ม
ได้ทราบข้อแตกต่างของรางน้ำไวนิลและรางน้ำสแตนเลสกันไปแล้ว คงทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจซื้อมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญต้องคำนึงถึงคุณภาพวัสดุ ความทนทานต่อสภาพอากาศ ประกอบกับความเหมาะสมกับตัวบ้าน เพื่อให้รางน้ำช่วยป้องกันบ้านจากฝน ลดความเสียหายจากความชื้น และช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่สวยงามให้กับบ้านไปในตัว
เหตุผลที่ต้องเลือกใช้รางน้ำฝนไวนิล เป็นองค์ประกอบเสริมของบ้านที่ควรมีในบ้านเขตร้อนชื้น ฝนตกชุก เพราะหากหลังคาไม่ได้ติดตั้งรางน้ำไว้ น้ำที่ไหลจากหลังคาจะตกกระทบลงพื้นสวนด้านล่าง ทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าว รวมไปถึงผนังบ้านค่อย ๆ สะสมความเสียหาย ทำให้บ้านเสื่อมโทรมไปอย่างรวดเร็ว